รู้เท่าทัน มิจฉาชีพ 2022 ทำอย่างไรจึงจะไม่ตกเป็นเหยื่อ

รู้เท่าทัน มิจฉาชีพ 2022 ทำอย่างไรจึงจะไม่ตกเป็นเหยื่อ

ขึ้นชื่อว่าเป็น มิจฉาชีพ แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องมีพฤติกรรมต้มตุ๋น หลอกลวง ด้วยกลโกงต่าง ๆ เพื่อหวังเอาทรัพย์สิน สิ่งของมีค่าหรือแม้แต่การทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน เสียหาย หากใครที่ได้ติดตามข่าวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ จะรู้ได้เลยว่ามีคนจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อให้กับมิจฉาชีพ แม้จะมีข่าวออกมาให้เห็นอยู่ทุก ๆ วัน แต่ก็ยังมีคนพลาดท่า เสียทีให้กับบรรดามิจฉาชีพเหล่านั้น ซึ่งในวันนี้จะมาแนะนำวิธีการรับมือและทำอย่างไรไม่ให้ตนเองต้องเสียทีให้กับมิจฉาชีพเป็นรายต่อไป

ความโลภ

เชื่อได้ว่ามนุษย์ทุกคนย่อมมีรัก โลภ โกรธ หลง เพียงแต่จะแสดงพฤติกรรมใดออกมาในสถานการณ์ที่กำลังพบเจอ มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบของการใช้ความโลภเข้าล่อ ส่วนใหญ่จะมีการสร้างภาพให้ตนเองดูดี มีความน่าเชื่อถือ ด้วยการโชว์ผลลัพธ์ในสิ่งที่ตนเองกระทำอยู่ เช่น การลงทุนแล้วให้ผลตอบแทนสูง โดยจะมีการชักชวนให้เหยื่อเข้าร่วมลงทุน เพียงนำเงินมาฝากหรือเปิดบัญชีอะไรสักอย่าง จากนั้นจะให้ผลตอบแทน 10 – 20% ของเงินลงทุน โดยในช่วงแรก ๆ จะทำให้เหยื่อเชื่อใจ ด้วยการจ่ายผลตอบแทนในช่วง 1- 3 เดือนแรก จากนั้นจะทยอยจ่ายบ้าง ผัดผ่อนและสุดท้าย ก็จะหายเข้ากลีบเมฆ ดังนั้น จงพึงระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีการลงทุนใดที่ให้ผลตอบแทนสูง ภายในระยะเวลาอันสั้น

ความกลัว

เป็นสิ่งที่มิจฉาชีพใช้บ่อยมากที่สุด เพราะไม่ต้องสร้างภาพให้ตนเองดูดี หากแต่ใช้กำลัง ขู่เข็น หรืออาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายในการสร้างสถานการณ์ให้เหยื่อเกิดความรู้สึกกลัว จนกว่าจะรู้ตัวก็สูญสิ้นทรัพย์สินเงินทองไปมากแล้ว เช่น แก๊ง Call Center ที่มักจะแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แสร้งเป็นให้เหยื่อกลัวความผิด จากนั้นจึงหลอกล่อให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ก่อนที่จะถอนเงินในบัญชีออกไปหมดหรือหลอกให้เหยื่อโอนเงินให้โดยตรง ซึ่งปัจจุบันแม้จะมีข่าวออกและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนคอยระวัง แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ

ความสงสาร

คนไทยมากกว่า 90% ได้รับการปลูกฝั่งให้รู้จักช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก หรือสอนให้รู้จักความเมตตา กรุณา จึงทำให้ตกเป็นเหยื่ออยู่บ่อยครั้ง เช่น การหลอกให้บริจาคเงิน เพื่อช่วยเหลือในการไปหาหมอเพื่อรักษาด้วยจำนวนเงินหลักสิบบาท แต่ปริมาณคนสงสารหลักร้อย หลักพัน เงินรับบริจาคก็สามารถกลายเป็นหมื่น เป็นแสนได้ ภายในระยะเวลาไม่นาน มิจฉาชีพหลายคนเลือกทำเป็นอาชีพ เพราะได้เงินง่าย แถมไม่มีคดีติดตัว หากไม่มีใครจับได้เสียก่อน บางรายมาในรูปแบบรับบริจาคเงินเพื่อซื้ออาหารให้หมาแมว หรือบ้านคนพิการ ซึ่งพอตรวจสอบย้อนกลับ ก็ไม่ปรากฏหน่วยงานที่กล่าวอ้างถึง ทำให้ตามจับตัวคนร้ายได้ยาก เพราะหลายคนเลือกที่จะไม่แจ้งความ ด้วยจำนวนเงินที่บริจาคน้อยมากนั่นเอง

หากทุกคนมีสติ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ก็จะสามารถที่จะหลุดพ้นจากมิจฉาชีพเหล่านั้นได้ ไม่ว่าจะผ่านมากี่สิบปี แม้จะมีการเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวง แต่พฤติกรรมเดิม ๆ ที่อาศัย ความโลภ ความกลัวและความสงสาร หากทุกคนมีสติ คิด วิเคราะห์ให้ถี่ถ้วน ก็จะช่วยให้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านั้นได้